หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Review : มอญซ่อนผี หนังผีที่โคตรสนุกครบรส (7.5/10)

สวัสดีครับ กลับมาพบกันกับ #scmoviereview ในต้นเดือนพฤศจิกายนอย่างนี้ ก็มีรีวิวหนังใหม่ๆ กันเข้ามาบ้างนะครับซึ่งคราวนี้ก็เป็นคิวของหนังไทยที่น่าติดตาม และติดเทรนด์ในโซเชี่ยลกันอยู่ตอนนี้เลย แอบโม้กันได้ว่า เป็นหนังอันดับ1  ของช่วงนี้เลยละ ก็ไม่พูดพร่ำ ทำเพลง อะไรครับ มาเริ่มกันเลย กับ "มอญซ่อนผี"




มอญซ่อนผี เป็นผลงานภาพยนตร์ สยองขวัญ ตลก จากค่ายไฟว์สตาร์ ที่เคยฝากหนังอย่าง OT หรือ 407 เที่ยวบินผี มาแล้ว คราวนี้กลับมาหลอนอีกครั้งบนเรือประมงกลางทะเลที่ไม่มีทางหนี ไม่มีทางรอด!
ผลงานนี้ได้ผู้กำกับสุดเกรียน พี่ไมค์ ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ (พนทะริด โชดกิดสะดาโสพน) มาเป็นผู้กำกับ และได้พระเอกอย่าง ณอห์น จินดาโชติ และนางเอกหน้าใหม่ นนนี่ ณัฐชา มาร่วมทริป

มอญซ่อนผี ถือว่าเปิดเรื่องมาได้ดี ทำเอาเสียวสันหลังกันตั้งแต่ฉากแรก (จะมีผีไหมวะ!) แล้วก็เริ่มอธิบายเรื่องและปมต่างๆ แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ 3 มอญ กะลา ยอล่า และโซหลุ่ย ที่เป็นตัวนำเรื่อง (เด่นกว่าพระเอกอีกก) โดยนาง 3 ตัว (เอ้ย สามคน 55) นิ มีจุดเป้าหมาย ด้วยนะ อย่างกะลาหัวหน้าแกงค์ เธออยากมีร้านโทรศัพท์เป็นของตนเองจ้ะ ส่วนโซหลุ่ย ก็อยากไปประกวด เดอะโว้ย (เอ้ย เดอะโว้ย เอ้ย ถูกแล้ว ช่างมันเถอะ55) และที่เด็ดสุดคือยอล่า นางอยากทำนม55 นางเป็นกระเทยที่ฮามากก
แล้วทั้งหมดก็พากันขึ้นเรือ โดยไม่รู้ว่า เรือลำนี้..มีผีมากกว่าคน (บรึยย)




ในช่วงครึ่งแรกหนังทำออกมาได้ดี คือมีความลุ้น และความซับซ้อนของปม ที่ผมว่าทำได้สนุกเลยละ บวกกับมุขฮาๆ อย่างกุญเชียง (อยากรู้คืออะไรไปดูซะ55) ขำลั่นโรงกันเลยทีเดียว แต่พอผ่านกลางๆเรื่องไปแล้วนั้นหนังพยายามเปลี่ยนทิศ แต่เหมือนมันไปไม่สุดอะ มันจะสยองก็ไม่สุดแล้ว ตลกก็ยังไม่สุดอีก แต่ก็จะเน้นเรื่องไปทางดราม่า ที่ผมคิดว่าควรปูเรื่องให้มีความหนักแน่นในเหตุผลกว่านี้ จะมีความสมจริงขึ้น

ในเรื่องของภาพ นั้น สวยมาก ผมชอบนะ เป็นหนังไทยที่มีการใช้ drone ถ่ายทำผสมกับซีจี คือมันเจ๋งมากอะ (อันนี้ คือต้องไปดู) ส่วนภาพในหนังก็สวย (ก็ผู้กำกับเป็นผู้กำกับศิลป์มาก่อนนิ55) ส่วนเทคนิคคอม ซีจี ถ้าไม่คิดไรมากกับงบหนังไทย ก็รับได้ แค่ว่าอยากให้ลงทุนตรงนี้นิดนึงจะเพิ่มความสมจริงและไปสู้กับต่างประเทศเขาได้





คะแนนความชอบโดยรวม 7.5/10

หนังผีครบรส ครึ่งแรกทำได้ดี แต่การเฉลยปม และตอนจบยังไม่หวือหวา
และความสยองขวัญนั้นถือว่าสอบผ่านแบบเฉียดฉิวเพราะครึ่งหลัง (ไม่น่ากลัวเลยก็ว่าได้)
เอาเป็นว่าใครอยากดูหนังผีตลก ไม่อยากไปดูของเจ้พจน์ หรือ ใครอยากดูอะไรคลายเครียดๆ ก็ไปดูได้ คุ้มครับ
(ปล.ใครจะไปดูพี่ฌอห์น ก็ไปดูได้นะ)

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Review : THE MARTIAN การเอาตัวรอดอย่างอัจฉริยะ (9/10)

สวัสดีครับ กลับมาพบกันแล้วครับ สำหรับ #scmoviereview ซึ่งคราวนี้ก็เป็นคิวของภาพยนตร์ไซไฟตะลุยดาวอังคาร อย่าง THE MARTIAN ที่ทำให้ใครหลายๆคนนึงนึกถึง อภิมหาไซไฟปรัชญาไซไฟ อย่าง INTERSTELLAR ที่ Matt Damon เองก็ติดอยู่บนดาวเหมือนกัน แต่ถึงอย่างไร THE MARTIAN ก็เรียกว่าเป็นหนังไซไฟอีกพวกนึงเลยก็ได้ เพราะมันแฝงแง่คิด และความตลกเอาไว้อย่างลงตัวมาก




F**K YOU MARS!
credit 20th century fox

THE MARTIAN เป็นภาพยนตร์จาก Ridley Scott ผู้กำกับสายไซไฟเช่นกัน ที่มีผลงานอย่าง Alien และ Prometheus แต่แตกต่างที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่โคตรสนุก! และให้ความบันเทิง
เรื่องมันเกิดเมื่อ MARK WATNEY และ คณะเดินทางไปยังดาวอังคาร ในภารกิจ ARES 3 แต่ดันเจอพายุทรายที่รุนแรง จึงจำใจต้องยกเลิกภารกิจ แต่ MARK WATNEY ถูกชิ้นส่วนของเสาอากาศชน กระเด็นไป และตอนนั้นทุกคนก็คิดว่าเขาตายแล้ว แต่มันไม่ยอมตาย! MARK WATNEY จึงลุกขึ้นมาอีกครั้ง และหาวิธีติดต่อ กลับยังโลก และเอาตัวรอดให้ได้ (มีฉากให้ลุ้นอยู่เยอะนะ เรื่องนี้) การเอาตัวรอดของ MARK เริ่มต้นจากการพยายามติดต่อกลับมายังโลก โดยใช้รหัสอะไรสักอย่างนี่ละ แล้วมันก็เอาอึของคนอื่นที่ทิ้้งไว้มาปลูกต้นไม้บนดาวอังคาร ลองผิด ลองถูกมาเยอะ จนสุดท้ายก็ปลูกได้ "ณจุดๆนี้ ข้าเหนือกว่า Neli Armstrong!"


    สำหรับภาพยนตร์ THE MARTIAN นั้น ดำเนินเรื่องได้ค่อนข้างไว และก็ไม่อืดอาดเท่าไหร่ และก็มีมุขตลก และความขึ้เล่นของพระเอก ที่ทำให้เรื่องนี้สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ! 
    งานด้านภาพและ vfx ก็สวยงามมากกก (ก อีกประมาณล้านตัวเลยย) ชนิดที่ว่าเหมือนเราได้อยู่ในดาวอังคารเลยละ 
    มีเนื้อหาที่พ่วงถึงยานอวกาศ และยานโรลเลอร์ที่ NASA ส่งไปที่ดาวอังคารแล้วด้วยนะ! 

แต่สิ่งที่ชอบมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือ การใช้วิทยาศาสตร์ในการเอาชีวิตรอด ทั้งการสร้างน้ำ บนดาวที่ไม่คิดว่าจะทำได้ โดยการผสมไฮโดรเจน กับไรสักอย่างนี่ละ แล้วมันก็ระเบิดไปครั้งนึง แต่ก็ชอบนะ 55 สุดท้ายก็ทำได้ แล้วก็อีกหลายๆตอนที่วิทยาศาสตร์ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ อย่าง IRON MAN อยากรู้คืออะไรไปดูเองนะ 55


MARK WATNEY
credit 20th century fox


คะแนนโดยรวม9/10 สนุก ได้สาระ แฝงปรัชญาและฮาอย่างลงตัว แต่อยากให้ลุ้นกว่ากว่านี้



ปล.ที่มาช้า ไม่ว่ากันนะ รักนะ ทุกคนที่รอ จุ้บ 55




วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

รีวิว Jurassic World พาไปเที่ยวชมสวนสนุกสุดสะพรึง (8/10)

สวัสดีครับ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานเลย วันนี้ SC Movie Review ของเรากลับมาแล้วครับ กับภาพยนตร์ตะลุยสวนไดโนเสาร์สุดล้ำ อย่าง Jurassic World 
Jurassic World นี้เป็นเหตุการณ์หลังจากเรื่องราวใน Jurassic Park ถึง 22 ปี สำหรับสถานที่ในภาคนี้คือที่เดียวกับทีตั้งใน Jurassic  Park ภาคแรก ก็คือ เกาะ Isla Nublar นั่นเองครับ 


เกาะ ISLA NUBLAR

โดยหลังจากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นเมื่อ 22 ปีที่แล้ว ได้มีบริษัท Masrani และ บริษัท Ingen เข้ามาพัฒนาและเปิดเป็นสวนสนุกอีกครั้ง พร้อมกับนวัตกรรมที่ล้ำสมัยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


HAMMOND CREATION LAB

และได้พัฒนาไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เสียงคำรามดังขึ้น และน่ากลัวกว่าเดิม! แต่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อไดโนเสาร์นั้น ดันหลุดออกจากกรงขัง มหกรรมล่าไดโนเสาร์จึงเกิดขึ้น


วิ่งสิ วิ่งง

สำหรับภาคนี้นั้น ได้พระเอก Chris Patt มาสวมบทเป็น Owen Gardy เป็นผู้ฝึกแรปเตอร์สุดเชื่อง 4 ตัว คือ Blue / Delta / Echo / Charlie 

ส่วนนางเอก ได้ Bryce Dallas Howard มาสวมบทเป็นพนักงานดูแลสวนสนุก ที่สมบุกสมบันมาก! รองเท้าส้นสูงสีแดง คือสัญลักษณ์ของเธอเลยก็ว่าได้ รองเท้าคู่นี้ใส่ไปได้ทุกที่ ขึ้นเขา ลงห้วย หรือแม้กระทั่งใส่วิ่งหนีได้โนเสาร์
โดยรวมภาพยนตร์ภาคนี้ มีความสนุกดีกว่าภาค 2 และ 3 ที่ผ่านๆมา แต่ก็ยังไม่อาจเปรียบเทียบกับภาคแรกได้ แต่ก็มีการดำเนินเรื่องอย่างตื่นเต้น และสนุกตลอดเวลา ทำให้ไม่น่าเบื่อ 


แล้วพบกันใหม่ ใน Jurassic World 2! ในปี 2017

คะแนนโดยรวม : 8/10
เป็นหนังที่เหมาะที่จะดูร่วมกับครอบครัว คนที่เรารัก เพราะเรื่องชวนให้ติดตามลุ้น
ระทึกตลอดเวลา ปล.ไม่ควรพลาดด้วยประการใดทั้งปวง

พบกับ #scmoviereview ใหม่สัปดาห์หน้า ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้น รออ่านละกันครับ ขอโทศที่ช้า
ผมนั่งพิมพ์อยู่ 

ปล.2 ดีวีดี จูราสิค เวิลด์ ออกละนะ ไปหาซื้อกันได้ อุดหนุนของแท้นะครับ
ใครที่ซื้อแผ่นผีระวังง (อะไรวะ) เอาเถอะครับ เจอกันครับ แฮร่ !!!







วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Review : โจหัวแตงโม หนังแนวสืบสวน ที่แตกต่าง น่าลิ้มลอง (7/10)

ถ้าพูดถึงภาพยนตร์โจหัวแตงโม หลายคนคงสงสัยว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอะไร บางคนดูตัวอย่างแล้วก็ยังงงๆ ทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าไปดูหนังเรื่องนี้กันซักเท่าไหร่ ผมได้ทราบถึงโปรเจกต์นี้ มานานพอสมควร ว่าเป็นโปรเจกต์หนังของ พี่เรียว กิตติกร อย่างผลงาน มันเปลี่ยวมาก (ที่ในโรงนั้นเปลี่ยวมาก!) ก็เป็นหนังที่ในใส่มุขและไอเดียใหม่ จนผมงงไปหลายตลบ รอบนี้มตัดสินใจไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะผมชอบมันเปลี่ยวมากเมื่อปีที่แล้ว และสิ่งที่ได้กลับมา ก็อารมณ์พอๆกันเลยละ



เข้าสู่เนื้อหาของภาพยนตร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่แหวกตลาดมาก มันจะเรียกว่า แอ็คชั่น คอเมดี้ ก็ไม่เชิง เป็นหนังอินดี้ ก็ไม่ใช่ เรื่องราวทั้งหมด เริ่มจากโจ ที่เป็นนักสืบออนไลน์ รับจ้างบนโลกอินเตอร์เน็ต แล้ววันหนึ่ง ตาเสี่ยดันโดนโกงพนัน แล้วก็เลยมาพึ่งโจ ให้สืบหาคนที่โกงเสี่ย (นักมายากล) แล้วโจ ก็เริ่มไปสืบในเฟซของเป้าหมาย (นักมายากล) แล้วก็เจอกับรุ่นพี่ (เม็ดฟ้า) โจพยายามตีสนิท เพื่อหาทางเอาข้อมูลกลับไปให้เสี่ย แล้ว ก็มีพวกแฮกเกอร์อีกกลุ่มหนึ่งที่รับจ้างตบบนโลกออนไลน์มา เสี่ยก็ได้จ้างให้ไปตามตบไอ้นักมายากลนี่เหมือนกัน คราวนี้เรื่องราวทั้งหมดก็นำไปสู่การไล่ล่านักมายากล ที่สนุก มันส์ ตื่นเต้น และแฝงไปด้วย มุขตลกและให้ข้อคิด โดยรวม หนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับคนสมัยใหม่ ที่ชอบใช้โลกออนไลน์ เพราะมันให้ข้อคิดได้ดีมาก ว่าสิ่งที่เราทำเราโพสต์ เราแชร์ลงไป บนโลกออนไลน์นั้นอันตราย ต้องรู้จักระมัดระวังการโพสต์แชร์ คิดให้ดีก่อนทำ แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยชอบเรื่องพวกคอมพิวเตอร์ หรือโซเชี่ยลมากนัก ก็คงจะมีงงๆกันบ้างนะครับ ผมเองก็มีข้อสงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ด้วยอารมณ์ของหนังที่พาไป ผมก็ว่ามันก็ดูสนุก ดูรู้เรื่องอยู่นะ ด้านองค์ประกอบภาพยนตร์ ภาพถือว่าถ่ายออกมาได้สวยตามสไตล์ m39 ซึ่งก็สวยอยู่แล้วละ แต่สิ่งที่หลายคนติๆกันก็คือ ซีจี เท่าที่ผมดูนั้น ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ทั้งการ motion capture และการทำซีจีในฉากต่างๆ ซึ่งก็ไม่เลวร้ายอะไรนะ ส่วนเสียงซาวน์แทร็ค ก็ทำออกมาได้เข้ากับอารมณ์หนังได้ดี ทำให้ระทึกตื่นเต้นตลอดเวลา


สำหรับใครที่อยากลองอะไรใหม่ๆ ก็แนะนำให้ดูกันนะครับ ลองก้าวข้าม คำว่า กระแส ดูสักครั้ง แล้วจะพบ
สิ่งที่ดีๆอีกมากมายครับ

คะแนนภาพยนตร์ : 7/10 (สนุกดี แต่อยากให้ทำออกมาให้สนุกกว่านี้)


วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Review : Interstellar ทะยานดาวกู้โลก (ชื่อไทยตลกๆแหะ)


Review : Interstellar ทะยานดาวกู้โลก (ชื่อไทยตลกๆแหะ)


Interstellar เป็นภาพยนตร์ใหม่ ของผู้กำกับ Christopher Nolan ผู้กำกับ Inception นั่นเองครับ ในเรื่องเล่าถึง การระบาดของโรคระบาดร้ายที่ทำให้พืชผลตายกันไปหมด เหลือเพียงไร่ข้าวโพด แล้ววันหนึ่งพระเอกก็ได้เจอ หัส ที่พาเขาเข้าไปสู่ nasa และร่วม project lazarus เพื่อออกไปสำรวจระบบสุริยะจักรวาลอื่นๆ ผ่านรูหนอน ที่อยู่แถวๆดาวเสาร์ ในเรื่อง เป็นหนังที่สะท้อนให้เห็นการพลัดพรากจากกัน ของครอบครัว และการเอาตัวรอดของแต่ละคน (รวมถึงความเห็นแก่ตัวด้วย) ช่วงท้ายจะเป็นหนังที่ไม่ค่อย Feel Good เท่าไหร่นัก จะได้อารมณ์ประมาณ Gravity (แต่ไม่เหมือน) ส่วนที่ได้ Visual Effects ยอดเยี่ยมก็สมควรอย่างยิ่ง เพราะเป็นหนังที่สร้างฉากอวกาศ ออกมาได้สวยงามและน่าตะลึงตา ส่วนจุดด้อยของหนังเรื่องนี้คือ เป็นหนังที่เปิดกว้างกับคนดู คนที่ไม่เรียนสายวิทย์ ฟิสิกส์ อาจไม่เข้าใจ หลายๆอย่าง เช่น แรงโน้มถ่วง รหัส morse หลุมดำ เป็นต้น ผู้ที่สนใจ จึงควรศึกษา ก่อนเข้าชมครับ
Review : 8.5/10 บททำได้ดี VFX สวยงาม เพียงแต่บางจุดยังยากต่อการเข้าใจครับ ^^ ยังไงวันนี้อย่าลืมดู หนังแนวอวกาศ (เรื่องแรก) ของไทยกันนะครับ the deepest รอดุได้ครับ เดี๋ยวแชร์กันมาให้แน่นอน




Review : San Andreas ท่ามกลางหายนะ ยังมีครอบครัวเราเคียงข้างเสมอ..

Review : San Andreas ท่ามกลางหายนะ ยังมีครอบครัวเราเคียงข้างเสมอ..

ถ้าพูดถึง San Andreas หลายคนคงนึกถึงหนังหายนะโลกแตก อย่าง 2012 เมื่อหลายปีก่อน เพราะมี
ความคล้ายคลึง กันทั้งการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่บนรอยเลื่อนซานแอนเดรียส หรือชื่อไทยที่บอกว่ามหาวินาศแผ่นดินแยก แต่ต้องขอบอกก่อนว่าหนังเรื่องนี้ไม่เหมือนหนังภัยพิบัติทั่วไปที่ผ่านๆมาเลย  ถ้าพูดถึงหนังเรื่องนี้แนะนำให้ไปดูกับครอบครัวจะดีมากครับ เพราะมีการพูดถึงประเด็นของครอบครัวค่อนข้างเยอะ หนังเรื่องนี้เน้นเล่าเรื่องผ่านครอบครัว และการกู้ภัยพิบัติ ซี่งต่างจากเรื่องอื่นที่เน้นไปในการโชว์ฉากความหายนะของโลก ตอนเริ่มของภาพยนตร์เรื่องนี้ เปิดมาค่อนข้างดีทีเดียว เพราะเป็นการเล่าถึงตัวละครแต่ละตัว อย่าง Dwayne Johnson ที่เป็นพระเอก ก็ได้มีฉากในการกู้ภัย และการแนะนำเบื้องต้นไปเรื่อยๆ จนสักพักหนังได้พูดถึงประเด็นการเกิดแผ่นดินไหวบนรอยเลื่อนซานแอนเดรส และพูดถึงการพัฒนาเครื่องพยากรณ์แผ่นดินไหว ซึ่งก็เป็นประเด็นที่ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว พอกลางๆเรื่อง หนังได้แสดงให้เห็น ความหายนะของแผ่นดินไหว และการเกิดสึนามิ ที่ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยหนังก็พยายามเล่นปมครอบครัวในการช่วยเหลือคนที่เรารัก และก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีทีเดียว ทำให้หนังเรื่องนี้สอนเราว่า ไม่ว่าเราอยู่ท่ามกลางปัญหาใดๆยังมีครอบครัวที่เคียงข้างอยูเสมอ ด้านภาพและเสียง ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาได้ในระดับที่ดีมาก แม้จะไม่ได้เป็นหนังที่ลงทุนสูงมากมาย แต่ ฉากหายนะแผ่นดินไหว ก็ทำออกมาได้น่ากลัวสมจริง และระทึกสุดๆ ในแบบที่ไม่ทันหยุดหายใจกันเลยทีเดียว ประกอบกับเสียงดนตรีที่คอยปลุกเร้าตลอดเวลา จึงทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาน่าประทับใจ และคงจะถูกใจคอหนังไซไฟหายนะ กันได้ไม่น้อยทีเดียว

สรุป : ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความแตกต่างจาก หนังหายนะทั่วไปพอสมควร ด้วยการเล่นประเด็นของการช่วยคนที่เรารัก และมีสเกลเรื่องในขนาดเล็กกว่าเรื่องอื่น แต่ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจ จนผมเกือบจะต้องเสียน้ำตาให้ ด้านภาพและเสียง ในภาพยนตร์ที่ทุนไม่สูงนี้ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก รวมๆ เป็นหนังที่น่าดูครับ 

คะแนน : 8/10
เกรดหนัง : ดี